ปวดหลัง!…ทำอย่างไรดี? สาเหตุและวิธีแก้อาการปวดหลัง

390
ปวดหลัง

ว่ากันว่าวงการปวดหลังเข้าแล้วออกยาก อาการปวดหลังเป็นอาการที่รบกวนการใช้ชีวิตของใครหลายคนโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 30 – 40 ปีขึ้น จะเกิดอาการปวดหลังกันเป็นประจำ ซึ่งอาการปวดหลังยังเป็นสัญญาณเตือนของความผิดปกติอื่นๆ ได้อีกหลายชนิด รวมไปถึงยังเป็นสัญญาณเตือนการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมของเราอีกด้วย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับอาการปวดหลังให้มากขึ้นว่ามีสาเหตุและวิธีแก้ไขอย่างไร

สาเหตุของอาการปวดหลัง

อาการปวดหลังเป็นอาการที่เกิดจากบริเวณส่วนหลังของร่างกาย เช่น สันหลัง กล้ามเนื้อ หมอนรองกระดูก เส้นเอ็น ไปจนถึงข้อกระดูกสันหลัง เกิดอาการขดเกร็ง เคล็ด ขัด ยอก อักเสบหรือเสื่อมไปตามอายุที่มากขึ้น ทำให้เกิดอาการปวดทั้งแบบไม่รุนแรง ปวดเสียบแปลบเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตและเคลื่อนไหวร่างกายได้ยาก อีกทั้งยังมีสาเหตุอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของร่างกาย น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น การใช้ชีวิตด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสมและยกของหนักด้วยท่าที่ไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตามอาการปวดหลังเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แม้แต่เด็กหรือวัยรุ่นก็เผชิญกับอาการปวดหลังได้เช่นกัน เช่น จากอุบัติเหตุหรือการเล่นกีฬาอย่างหนัก อีกทั้งยังอาจเกิดจากผลกระทบจากการเจ็บป่วยของอวัยวะภายในร่างกาย เช่น นิ่วในไต ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดหลังได้เช่นกัน

วิธีแก้อาการปวดหลัง

1. เคลื่อนไหวอยู่เสมอ

การเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายเป็นหัวใจที่สำคัญของการรักษาสุขภาพ ดังนั้นการออกกำลังกายเคลื่อนไหวร่างกายจึงเป็นวิธีหนึ่งในการแก้อาการปวดหลัง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายทั่วไป เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือการออกกำลังกายเบาๆ เพื่อยืดกล้ามเนื้อ เช่น โยคะ เท่านี้ก็จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีและตื่นตัวมากยิ่งขึ้น

2. ผ่อนคลายความเครียด

ความเครียดเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนอาการปวดหลัง ดังนั้นจึงควรทำจิตใจให้เบิกบานอยู่เสมอ มองโลกในแง่บวกและพยายามลดความเครียด เนื่องจากผู้ที่ผ่อนคลายความเครียดมีโอกาสฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็วกว่าผู้ที่เครียดและกังวลต่ออาการปวดหลังนั่นเอง

3. ทำกายภาพบำบัด

กายภาพบำบัดตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเป็นวิธีการรักษาอาการปวดหลังเบื้องต้น เป็นการบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ควรทำควบคู่กับการออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงควรปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันร่วมด้วย เช่น ปรับท่านั่งให้ถูกต้อง หลีกเลี่ยงการถือหรือยกของหนักเกินไป

4. ใช้ยารักษา

สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลังอย่างรุนแรงเป็นเวลานานจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรับการรักษาด้วยยา เช่น การใช้ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ และการฉีดยาสเตียรอยด์ อีกทั้งยังมีการใช้ที่พยุงหลังร่วมกับการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดไปพร้อมกัน

5. เข้ารับการผ่าตัด

การผ่าตัดเป็นขั้นตอนใหญ่ของการรักษาอาการปวดที่รุนแรงและกินระยะเวลายาวนาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ลุก เดิน ได้ลำบาก อาการปวดร้าวหรือชาตั้งแต่หลังลงไปถึงขา ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการที่เกิดจากการกดทับเส้นประสาทซึ่งส่งผลอย่างรุนแรง โดยการผ่าตัดแบ่งได้ตามวัตถุประสงค์ต่างๆ ได้แก่

  • ผ่าตัดเพื่อกำจัดสิ่งที่กดทับเส้นประสาท เช่น หินปูน หมอนรองกระดูก
  • ผ่าตัดใส่โลหะเพื่อยึดหรือเชื่อมกระดูกสันหลัง
  • ผ่าตัดเพื่อแก้ไขสรีระที่ผิดรูป เช่น กระดูกสันหลังที่โค้งงอตามธรรมชาติ

ถึงแม้ว่าอาการปวดหลังจะเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ก็มีทางป้องกันได้หลายทางเช่นกัน นอกจากการออกกำลังกายแล้วการพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่และการงดสูบบุหรี่ซึ่งทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมเร็ว ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยป้องกันการปวดหลังได้ด้วยเช่นกัน