5 วิธีการดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรง สู้ไวรัสและโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

475
วิธีการดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรง

ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วรวมไปถึงมลภาวะและสารพิษต่างๆ ในปัจจุบัน ทำให้เชื้อไวรัสและโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน เช่น ไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้นใหม่และกำลังระบาดอย่างหนัก การดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพราะช่วยให้เราปลอดภัยจากโรคภัยที่ทำให้ต้องเสียเงินจำนวนมากในการรักษาหรืออาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ เรามาดูวิธีดูแลสุขภาพให้แข็งแรงสู้ไวรัสและโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ กันค่ะ

วิธีการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและป้องกันโรคภัยต่างๆ

1. รับประทานอาหารปรุงสุก และรับประทานให้ครบ 5 หมู่

หนึ่งในสาเหตุการแพร่ระบาดของเชื้อโรคเชื้อไวรัสนั้นเกิดจาก “อาหาร” โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงไม่สุก เพราะอากาศที่ร้อนของเมืองไทยทำให้แบคทีเรียและไวรัสหลายชนิดเติบโตได้เร็วขึ้น ทำให้อาหารเน่าเสียไวขึ้น ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องร่วงตามมาได้ ซึ่งหากเป็นอาหารประเภทแกงต้องเดือดอย่างน้อย 5 นาที ขณะที่อาหารปิ้งย่างก็ไม่ควรมีเนื้อที่ยังเป็นสีแดง อาหารที่เก็บไว้ในตู้เย็นก็ควรอุ่นให้เดือดไม่ใช่แค่อุ่นให้ร้อนเฉยๆ

นอกจากนี้ อาหารที่ปรุงไม่สุกหากทิ้งไว้ข้างนอกนานจะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ท้องเสียแล้วยังอาจพยาธิติดมากับผักและเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ การหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงไม่สุกหรือสุกๆ ดิบๆ จึงช่วยสร้างความปลอดภัยและเป็นผลดีต่อสุขภาพของเราเอง

ที่สำคัญคือ ควรรับประทานให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งเป็นกลุ่มอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ประกอบไปด้วย โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ วิตามิน และไขมัน ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป กระบวนการทำงานต่างๆ ของร่างกาย เช่น ระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่าย ระบบประสาทและสมอง ก็จะมีความบกพร่อง

2. ล้างมือบ่อยๆ และล้างอย่างถูกวิธี

การล้างมือบ่อยๆ อย่างถูกวิธีนั้นช่วยป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจอย่างการติดเชื้อไวรัสโควิด- 19 ได้ แต่การล้างมือไม่ได้ช่วยป้องกันเชื้อไวรัสชนิดนี้เท่านั้น แต่ยังช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี หากล้างมือด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธีเป็นเวลา 20 วินาที

นอกจากโรคทางระบบทางเดินหายใจ ก็ยังมีโรคที่ติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงอย่างโรคมือเท้าปาก ตาแดง โรคติดเชื้อทางเดินอาหาร เช่น อุจจาระร่วง โรคพยาธิชนิดต่างๆ ไปจนถึงโรคที่ติดต่อได้หลายทางอย่างอีสุกอีใสที่อาจติดต่อได้ทั้งจากการหายใจและการสัมผัส ทั้งนี้วิธีการล้างมือที่ถูกต้องด้วยน้ำและสบู่ที่ช่วยขจัดเชื้อโรคอย่างหมดจดนั้นมีทั้งหมด 7 ขั้นตอน ได้แก่

  1. ฝ่ามือถูกกัน
  2. ฝ่ามือถูหลังมือและนิ้วถูซอกนิ้ว
  3. ฝ่ามือถูฝ่ามือและนิ้วถูซอกนิ้ว
  4. หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ
  5. ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบด้วยฝ่ามือ
  6. ปลายนิ้วมือถูฝ่ามือ
  7. ถูรอบข้อมือ

บทความแนะนำ …

3. ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

ของส่วนตัวหลายๆ อย่างเช่น ผ้าเช็ดตัว มีดโกน หลอดน้ำ แก้วน้ำ ลิปสติก หรือแม้แต่การใช้หูฟัง ถือเป็นของที่ไม่ควรยืมผู้อื่นและไม่ควรให้ผู้อื่นยืมอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะสนิทกันมากแค่ไหนก็ตาม เพราะเราไม่รู้เลยว่าในร่างกายแต่ละคนนั้นมีไวรัสหรือแบคทีเรียอะไรซ่อนอยู่บ้าง ซึ่งอาจจะติดต่อมาถึงเราผ่านของใช้เหล่านี้โดยไม่ได้ตั้งใจ

การดื่มน้ำผ่านหลอดหรือแก้วน้ำหรือรับประทานอาหารด้วยช้อนเดียวกัน ถือเป็นสาเหตุหลักที่พาเชื้อโรคมาหาเราโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ เชื้อไวรัสโควิด-19 รวมไปถึงไวรัสตระกูลเดียวกันอย่างอีโบลาและซาร์ส ดังนั้นการรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะจึงควรใช้ช้อนกลางและไม่ควรดื่มน้ำแก้วเดียวกับผู้อื่นถึงแม้จะใช้หลอดคนละอันก็ตาม เพราะน้ำลายของผู้อื่นก็มีโอกาสปะปนในเครื่องดื่มได้เช่นกัน

4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลสุขภาพ เพราะช่วยป้องกันทั้งโรคติดเชื้อไวรัสและแบคทีและไม่ติดเชื้อหรือโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นโรคที่ป้องกันได้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้หัวใจ ปอด ระบบหมุนเวียนเลือด กล้ามเนื้อ ข้อต่อ กระดูกแข็งแรงยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพราะสมรรถภาพการทำงานของหัวใจดีขึ้น

การออกกำลังกายยังช่วยสร้างสุขภาพจิตที่ดี เพราะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น ลดความเครียด ความจำดีขึ้นและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น การออกกำลังกายทำได้หลายวิธีตามความชอบของแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง เต้นแอโรบิก ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ควรออกกำลังกายประมาณ 10 – 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3 วัน หรือวันเว้นวัน ก็จะช่วยสร้างสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ

บทความแนะนำ …

5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับให้เพียงพอเป็นการช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี จากการวิจัยพบว่าการนอนหลับให้เพียงพอช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไข้หวัด คนที่นอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงนั้นมีความเสี่ยงที่จะติดหวัดมากกว่าคนที่นอนหลับ 8 ชั่วโมงขึ้นไปถึง 3 เท่า

การนอนหลับที่มีคุณภาพนั้นไม่จำเป็นต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง แต่การนอนหลับที่มีคุณภาพคือตื่นมาแล้วสดชื่น นอนหลับด้วยร่างกายและจิตใจที่ผ่อนคลาย ไร้ความเครียด ได้เหยียดร่างกายยืดเส้นยืดสาย หากนอนอย่างมีคุณภาพแล้วการนอนเพียง 5 – 6 ชั่วโมงก็ตื่นมาสดชื่นได้เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามการนอนให้ถึง 7 – 9 ชั่วโมงก็ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้ดีที่สุด

“กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” ถือเป็นวิธีการรักษาสุขภาพที่ใช้สู้กับโรคภัยไข้เจ็บได้แทบทุกชนิด นอกจากนี้ก็ควรออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อสร้างภูมิต้านทาน สำหรับเชื้อไวรัสโควิด – 19 ก็ควรสังเกตอาการของตัวเองร่วมด้วยหากมีอาการเข้าข่าย ได้แก่ มีไข้สูง ไอ มีเสมหะ หายใจไม่สะดวก ควรรีบใส่หน้ากากอนามัยและไปพบแพทย์เพื่อรักษาได้อย่างทันท่วงที