7 ประเทศน่าเที่ยวในยุโรป ต้องหาโอกาสไปเยือนให้ได้สักครั้ง!

706
ประเทศน่าเที่ยวในยุโรป

การไปเที่ยวยุโรปถือเป็นความน่าตื่นเต้นสำหรับนักเดินทางหลายๆ คน เพราะทั้งวัฒนธรรม ผู้คน อากาศ อาหารการกิน การแต่งตัว อาคาบ้านเรือน แตกต่างจากฝั่งเอเชียหลายอย่าง การเดินทางไปเยือนยุโรปจึงเหมือนการเปิดโลกใหม่ ได้ท่องเที่ยวในที่ใหม่ๆ เปิดประสบการณ์ใหม่ และได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ ที่ต่างเชื้อชาติต่างวัฒนธรรมกันด้วย ว่าแล้วก็มาดูกันดีกว่า ว่ามีประเทศน่าเที่ยวในยุโรปที่ไหนบ้าง

ประเทศน่าเที่ยวในยุโรป

ประเทศนอร์เวย์ (Norway)

1. ประเทศนอร์เวย์ (Norway)

ประเทศนอร์เวย์มีเมืองหลวงชื่อ ออสโล เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ และวัฒนธรรมด้านศิลปะมากมาย ทั้งพิพิธภัณฑ์ แกลอรี่แสดงงานศิลปะ และโรงละคร และสำหรับใครที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ต้องไม่พลาดไปเที่ยวชมมหาวิหารนิดารอส ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ และมีความสำคัญมากในช่วงยุคกลาง เพราะใช้ประกอบพิธีทางศาสนาและราชพิธีต่างๆ

ใครที่อยากสัมผัสธรรมชาติอันสวยงาม ก็มีเกาะทางเหนือมากมายที่ปกคลุมด้วยหิมะทั้งภูเขาและอาคารบ้านเรือน เช่น เกาะโลโฟเทน ซึ่งทีเด็ดที่สุดของที่นี่คือสามารถชมแสงเหนือ หรือปรากฎการณ์ที่จะได้เห็นท้องฟ้ามีแสงธรรมชาติสีเขียว สีฟ้า ไปจนถึงสีชมพู ในตอนฟ้าเปิดช่วงกลางคืนนั่นเอง

ประเทศอิตาลี (Italy)

2. ประเทศอิตาลี (Italy)

ประเทศอิตาลีเต็มไปด้วยเมืองแห่งศิลปะที่เป็นหนึ่งในจุดหมายของนักเดินทาง เพราะแค่พูดถึงชื่อเมืองก็จินตนาการได้ถึงความสวยงาม ไม่ว่าจะกรุงโรม, เวนิส, ฟลอเรนซ์, มิลาน ซึ่งแต่ละเมืองก็มีความสวยงามในแบบของตัวเอง แค่อาคารบ้านเรือนก็ถ่ายรูปสวยๆ ได้จนเมมโมรี่เต็ม นอกจากนี้ยังมีอาหารประจำชาติที่อร่อยถูกใจคนทุกมุมโลก เช่น พิซซ่า พาสต้า รีซอตโต้

สถานที่สำคัญของอิตาลีที่ควรไปเยือน เช่น สนามกีฬาแห่งกรุงโรม หรือโคลอสเซียม ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคโรมัน อัฒจันทร์เป็นรูปวงรี ก่อด้วยอิฐและหินทราย จุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน ใครที่ได้ไปเยือนที่แห่งนี้ย่อมสัมผัสได้ถึงความรุ่งโรจน์ของยุคโรมัน หรือใครอยากชมรูปปั้นเทพเจ้าเนปจูน ต้องไปที่น้ำพุเทรวี่ น้ำพุแบบบาโรก และแลนด์มาร์กที่สำคัญของอิตาลีคือหอเอนเมืองปิซา ที่เป็นหอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก สร้างด้วยหินอ่อน มีแปดชั้น จุดเด่นคือเอียง 3.97 องศา ที่ใครได้เห็นเป็นต้องถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก

ประเทศฝรั่งเศส (France)

3. ประเทศฝรั่งเศส (France)

พูดถึงประเทศฝรั่งเศสแล้วใครๆ ก็ต้องนึกถึงหอไอเฟล และความเป็นเมืองแห่งแฟชั่น ที่มีศิลปวัฒนธรรมเฉพาะตัว แน่นอนว่าฝรั่งเศสมีสถานที่สำคัญมากมายที่รอนักเดินทางไปเยี่ยมชม เพราะแค่กรุงปารีสเมืองหลวงของฝรั่งเศสก็อัดแน่นไปด้วยแลนด์มาร์กที่เรารู้จักกันดี ตั้งแต่พระราชวังแวร์ซาย ที่ตัวอาคารสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ภายในมีห้องถึง 700 ห้อง เต็มไปด้วยภาพวาดและงานแกะสลักสุดหรูหรา และที่โด่งดังที่สุดคือห้องกระจกที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมาก เพราะสร้างด้วยกระจกบานใหญ่ 17 บาน และยังมีความสำคัญประวัติศาสตร์ด้วย

สำหรับใครที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมแบบกอธิก ก็สามารถเยี่ยมชมมหาวิหารนอเทรอดาม ที่เป็นวิหารนิกายคาทอลิกที่มีความสำคัญทางศาสนา และสถาปัตยกรรมอันงดงามอื่นๆ เช่นพระราชวังฟงแตนโบล พระราชวังหลวงที่เก่าแก่ที่สุด โดดเด่นด้วยบันไดเกือกม้า วิหารมงแซ็ง-มีแซลที่ตั้งอยู่หมู่เกาะกลางทะเล ถ้าใครอยากสัมผัสธรรมชาติสวยๆ ก็มีหลากหลาย เช่น ภูเขามงบล็องที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี วาเลนโชทุ่งลาเวนเดอร์ที่ยาวสุดลูกหูลูกตา เฟรนช์ ริเวียร่า ทะเลที่สวยที่สุดของฝรั่งเศสติดกับชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน

ประเทศเยอรมนี (German)

4. ประเทศเยอรมนี (German)

ประเทศเยอรมนีหรือที่มักเรียกกันว่าเยอรมัน มีเมืองหลวงคือเบอร์ลิน เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มากมายตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นประเทศที่โดดเด่นเรื่องปราสาทที่งดงามราวกับเทพนิยาย ใครที่อยากเที่ยวแบบเน้นชมปราสาทสวยต้องไม่พลาดประเทศนี้ สามารถเริ่มท่องเที่ยวได้จากหุบเขาโรแมนติกไรน์ ซึ่งเป็นหุบเขาที่มีแม่น้ำไรน์ไหลผ่าน เรียกพื้นที่นั้นว่าไรน์ฟอร์ด เต็มไปด้วยปราสาทยุคกลางกว่า 40 แห่ง สามารถล่องเรือชมได้อย่างสุนทรีย์ทีเดียว

ส่วนปราสาทที่ได้รับความนิยมที่สุดของเยอรมนี คือปราสาทนอยชวานชไตน์ที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ซึ่งงดงามจนสวนสนุกดิสนีย์แลนด์เลือกให้เป็นต้นแบบของปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทรา นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ ภายในปราสาทมีห้อง 14 ห้อง ห้องที่โดดเด่นคือห้องบรรทมของพระเจ้าลุดวิกที่ตกแต่งในสไตล์โกธิกและงานแกะสลักไม้

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)

5. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)

พูดถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สิ่งแรกๆ ที่เรานึกถึงคือธรรมชาติอันงดงามตระการตา จึงเป็นประเทศที่หลายคนใฝ่ฝันจะได้มาสัมผัสสักครั้ง ไม่ว่าจะทะเล ภูเขา น้ำตก ทะเลสาบ ก็ล้วนน่าตื่นตาตื่นใจ มาเริ่มต้นกันเลยที่ทะเลสาบเจนีวา ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นไข่มุกของริเวียร่า เป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของยุโรปกลาง จึงไม่ต้องแปลกใจที่วิวทิวทัศน์จะสวยจับจิต ต่อด้วยทะเลสาบโอชิเนน แม้จะมีขนาดเล็กเพียง 1 ตารางกิโลเมตร แต่เพราะตั้งอยู่กลางหุบเขาโอชิเนนที่ระดับความสูง 1,578 เมตร จึงทำให้มองเห็นทัศนียภาพอันงดงาม

ที่พลาดไม่ได้คือทะเลสาบบลูเซิร์นที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านที่มีอาคารแบบดั้งเดิม ล้อมรอบด้วยสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ จึงเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนใครชอบที่สูงต้องไปที่ยอดเขาจูงเฟรา ซึ่งมีรถไฟสายกลาซียร์ เอ็กเพรส ขึ้นไปสู่ยอดเขาที่มีจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรปได้ ไม่เพียงเท่านั้น ที่นี่ยังมีถ้ำน้ำแข็งแกะสลักใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตรให้ชมด้วย

ประเทศออสเตรีย (Austria)

6. ประเทศออสเตรีย (Austria)

ประเทศออสเตรียมีเมืองหลวงที่ขึ้นชื่ออย่างกรุงเวียนนา เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม งานศิลปะต่างๆ ทั้งยังรายล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม ถือเป็นเมืองน่าอยู่และสถานที่ท่องเที่ยวที่เราต้องไปเยือนสักครั้ง สถานที่ที่แนะนำเช่น พระราชวังเชินบรุนน์ซึ่งเป็นพระราชวังมรดกโลก ตัวสถาปัตยกรรมเป็นแบบร็อกโคโค่ จึงใหญ่โตหรูหรา ตัวอาคารใช้สีเหลืองอร่ามสวยงาม จตุรัสสเตฟานเป็นศูนย์กลางของกรุงเวียนนาที่ตั้งมหาวิหารเซนต์สตีเฟนที่มีสถาปัตยกรรมแบบโกธิค

หรือถ้าใครอยากเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ก็สามารถไปที่บ้านดนตรี ที่ภายในจัดแสดงงานทางดนตรีของศิลปินระดับโลกอย่างบีโธเฟ่น, โมสาร์ต และโยฮัน สเตราสเอาไว้ สำหรับใครที่ต้องการความสนุกสนานและชมวิวจากบนชิงช้าสวรรค์ ที่ออสเตรียก็มีสวนสนุกพราเตอร์ที่มีชิงช้าสวรรค์สูงกว่า 200 ฟุต ทำให้มองเห็นวิวสวยๆ ได้รอบเมือง

ประเทศอังกฤษ (England)

7. ประเทศอังกฤษ (England)

พูดถึงสัญลักษณ์ของประเทศงอังกฤษ ใครๆ ก็ต้องนึกถึงหอนาฬิกาบิ๊กเบนในกรุงลอนดอนที่สูงเกือบ 100 เมตร เก่าแก่ 150 ปี และมีระฆังที่เสียงดังไปทั่วเมือง แต่อังกฤษไม่ได้มีแลนด์มาร์กเพียงเท่านั้น เพราะนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมพระราชวังบักกิ้งแฮมที่ทำให้ได้เห็นประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอันสวยงามที่ปัจจุบันเป็นพระราชฐานของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 และราชวงศ์

อีกสถานที่ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนอังกฤษคือ สโตนเฮนจ์ หรือกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ที่เรียงเป็นวงกลม 2 วงและมีอีกก้อนขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ตั้งตระหง่านกลางทุ่งหญ้าสีเขียวสด เป็นอะไรที่สวยและลึกลับน่าค้นหาจนต้องไปดูด้วยตาตัวเอง และถ้าอยากเห็นอังกฤษจากมุมสูง ก็ต้องขึ้นชิงช้าสวรรรค์โคคา-โคลา ลอนดอน อาย ที่สูงกว่า 135 เมตร เมื่อขึ้นไปแล้วจะสามารถเห็นทัศนียภาพของกรุงลอนดอนจากริมแม่น้ำเทมส์ เรียกได้ว่าประทับใจไม่รู้ลืม

แม้การไปเที่ยวประเทศในทวีปยุโรปจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการท่องเที่ยวในประเทศแถบทวีปเอเชีย เพราะค่าครองชีพที่สูงกว่า รวมถึงการเดินทางที่ไกลกว่า แถมยังต้องต่อเครื่องบินมากกว่า 1 เที่ยว หรือใช้เวลานานหลายชั่วโมง แต่ถ้าได้ลองไปสักครั้ง จะพบว่าได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และความประทับใจที่คุ้มค่าแน่นอน