ประเภทเครื่องสำอางแต่งหน้า/เมคอัพ (Makeup)…แบ่งตามส่วนที่ใช้

6333
เครื่องสำอางแต่งหน้า/เมคอัพ (Makeup)

“ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” เป็นสำนวนที่ไม่ไกลเกินตัว เพราะสาวๆ สามารถดึงความสวยของตนเองออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยเครื่องสำอางแต่งหน้าหรือเมคอัพ (Makeup) ประเภทต่างๆ เพราะไม่ว่าจะกระ ฝ้า ดวงตาดูเล็กไม่คมสวย โครงหน้าใหญ่ ปากซีด เครื่องสำอางก็ช่วยแก้ไข และแต่งเติมจุดที่สวยอยู่แล้วให้ยิ่งสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีเครื่องสำอางออกมาให้เลือกใช้หลากหลายประเภทหลากหลายรูปแบบซึ่งสามารถเลือกได้ตามสไตล์และการใช้งาน

ประเภทเครื่องสำอางแต่งหน้า/เมคอัพ (Makeup)

ประเภทเครื่องสำอางแต่งหน้า/เมคอัพ (Makeup)

1. เมคอัพเบส (Base Makeup)

ก่อนจะแต่งหน้า การปกปิดริ้วรอยและปัญหาผิวต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้เครื่องสำอางอื่นๆ ติดหน้าง่ายขึ้น และแต่งหน้าดูสวยขึ้น ซึ่งเมคอัพเบสเป็นตัวช่วยชั้นเลิศในการเข้ามาปกปิดผิวให้เนียนสม่ำเสมอแถมยังช่วยให้สีผิวมีความกระจ่างใส เมคอัพเบสมีหลายแบบให้เลือกตามความต้องการของผิวและจุดประสงค์ในการใช้งาน เช่น ไพรเมอร์ เบส รองพื้น บีบีครีม ซีซีครีม เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง …

2. เครื่องสำอางแต่งคิ้ว (Eyebrow)

“คิ้วคือมงกุฎของใบหน้า” ที่เขียนคิ้วจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก ซึ่งมีหลากหลายแบบให้เลือกตามความถนัดในการใช้งาน และแต่ละแบบก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันด้วย

  1. ดินสอเขียนคิ้ว (Eyebrow Pencil)
    ดินสอเป็นที่เขียนคิ้วที่ใช้ง่ายที่สุด มีทั้งแบบแท่งดินสอสำหรับเหลา กับแบบแท่งสำหรับหมุนไส้ดินสอเข้าออกทำให้สะดวกไม่ต้องคอยเหลา ดินสอเขียนคิ้วเหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะวาดไปตามโครงคิ้วก็ได้รูปทรงตามต้องการ แต่การเขียนคิ้วให้สวยนั้นไม่ควรระบายจนเข้มทั้งหมด แต่ให้เขียนขอบคิ้วให้คมชัด ระบายด้านในบางๆ แล้วใช้แปรงปัดกระจายให้ทั่วคิ้ว จะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
  2. ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่น (Eyebrow Powder)
    ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่นจะทำให้คิ้วดูเป็นธรรมชาติมากกว่าแบบอื่น เพียงแต่ต้องมีความชำนาญในการเขียนมากกว่า โดยใช้แปรงปัดฝุ่นมาเขียนโครงคิ้ว แล้วปัดระบายด้านในให้เต็ม โดยให้หางคิ้วมีความเข้ม แต่หัวคิ้วให้เป็นสีอ่อน
  3. ปากกาเขียนคิ้ว (Eyebrow Pen)
    มีลักษณะเหมือนปากกา ใช้งานง่าย ได้สีและเส้นที่ชัดเจนกว่าดินสอเขียนคิ้ว ทั้งยังติดทนนาน ทั้งนี้ต้องระวังอย่าเขียนจนเข้มเกินไปหรือเขียนเป็นปื้นหนา ถ้าอยากได้ลุคธรรมชาติให้เขียนตามขนคิ้วทีละเส้นก็จะได้คิ้วที่ดูมีมิติ สวยงาม
  4. เจลเขียนคิ้ว (Eyebrow Tattoo Gel)
    เจลเขียนคิ้วจะทำให้การเขียนคิ้วติดทนนานขึ้น วิธีเขียนต้องใช้แปรงหรือพู่กันในการเขียนและปัด ซึ่งต้องระวังเขียนพลาดเพราะเจลเขียนคิ้วมีสีที่คมชัด เหมาะสำหรับการแต่งหน้าออกงานที่ใช้เวลาทั้งวัน หรือแต่งหน้าแบบสาวฝรั่งที่ต้องการความเป๊ะปัง
  5. มาสคาร่าคิ้ว (Eyebrow Mascara)
    ถ้าต้องการเขียนคิ้วแบบดูไม่ค่อยออกว่าเขียนคิ้วมาเหมือนการใช้ดินสอเขียนคิ้ว มาสคาร่าเป็นตัวเลือกที่ดี เพียงใช้มาสคาร่าปัดๆ คิ้วก็จะทำให้คิ้วดูเข้มขึ้น ไม่จำเป็นต้องเขียนโครงคิ้ว เพียงแต่ต้องฝึกใช้จนชำนาญจึงจะปัดได้ทรงที่สวยงาม
เครื่องสำอางแต่งตา (Eye)

3. เครื่องสำอางแต่งตา (Eye)

“ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ” ถ้าดวงตาสวย กลมโต คมชัด ก็จะทำให้ใบหน้าดูโดดเด่น สื่ออารมณ์ได้มากขึ้น ซึ่งมีทั้งการแต่งขอบตา เปลือกตา และขนตา

3.1 อายไลน์เนอร์ (Eyeliner)

อายไลน์เนอร์ใช้เขียนรอบดวงตา เพื่อทำให้ดวงตาดูคมชัด และกลมโตขึ้น มีหลายแบบ ดังนี้

  1. อายไลน์เนอร์แบบดินสอ (Pencil Eyeliner)
    เหมาะสำหรับมือใหม่เพราะเขียนง่าย ไม่ค่อยเลอะ แต่ข้อเสียคือแห้งช้า และเส้นไม่ค่อยคม อาจเหมาะสำหรับการกรีดตาแบบฟุ้งๆ มากกว่า
  2. อายไลน์เนอร์แบบเจล (Gel Eyeliner)
    เหมาะกับการแต่งตาแบบคมเข้ม เพราะเนื้อเจลจะให้สีที่ชัด เส้นทึบ หนา แต่ข้อเสียคือแห้งยากและเกลี่ยยาก ต้องใช้ความชำนาญพอสมควร
  3. อายไลน์เนอร์แบบน้ำ (Liquid Eyeliner)
    อายไลน์เนอร์แบบน้ำแห้งเร็วกว่าแบบอื่นๆ ใช้งานง่ายเพราะมีปลายที่แหลมเล็ก ติดทนนาน

3.2 มาสคาร่า (Mascara)

สำหรับสาวๆ ที่อยากมีขนตาหนา ยาวเป็นแพ และงอนสวย มาสคาร่าช่วยได้ โดยมีหลายรูปแบบ เช่น แบบน้ำ ครีม ทินท์ วิธีใช้คือนำแปรงปัดมาสคาร่าจุ่มลงในมาสคาร่าแล้วปัดขนตาให้โค้งงอ ซึ่งจะช่วยให้ขนตาหนาและยาวขึ้น

3.3 อายแชโดว์ (Eye Shadow)

อายแชโดว์คือสีที่ช่วยแต้งแต้มเปลือกตาให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น มีหลายแบบ ดังนี้

  1. อายแชโดว์แบบฝุ่น (Powder Eye Shadow)
    เป็นอายแชโดว์ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดเพราะใช้งานง่าย มีหลายสีให้เลือก แต่ไม่ค่อยติดทนนานนัก
  2. อายแชโดว์แบบครีม (Cream Eye Shadow)
    อายแชโดว์แบบครีมบรรจุในกระปุก เนื้อครีมหนา วิธีใช้ให้เกลี่ยจากกลางเปลือกตาไปให้ทั่วเปลือกตา ซึ่งเนื้อครีมจะติดทนนานกว่าแบบฝุ่น
เครื่องสำอางแต่งแก้ม (Cheek)

4. เครื่องสำอางแต่งแก้ม (Cheek)

ถ้าแต่งหน้าครบทุกอย่างแล้วลืมปัดแก้มให้มีสีสันก็คงจะทำให้หน้าดูซีดๆ และจืดจางไม่สดใส หรือบางครั้งแต่งหน้าครบแล้วแต่ก็ดูไม่มีมิติ ก็มีเครื่องสำอางที่ออกมาเติมเต็มปัญหาเหล่านี้โดยเฉพาะ

4.1 บลัชออน (Blush on)

บลัชออนคือเครื่องสำอางสำหรับปัดแก้มให้มีสีสันมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูมีเลือดฝาด สุขภาพดี มีหลายโทนสีให้เลือกตามความเหมาะสมของใบหน้า เช่น ส้ม ชมพู แดง ซึ่งบลัชออนก็มีหลากหลายแบบด้วยกัน

  1. บลัชออนแบบฝุ่น (Powder Blush)
    บลัชออนแบบนี้ได้รับความนิยมมาก เพราะมีสีให้เลือกหลายสี ใช้งานง่าย ทั้งนี้มีแบ่งลักษณะของเนื้อบลัชออนเป็นแบบเนื้อแมต และแบบชิมเมอร์ที่จะมีประกายมุกทำให้ใบหน้ายิ่งดูเงาวาว วิธีใช้ให้ใช้แปรงปัดบางๆ บริเวณโหนกแก้มหลังจากลงรองพื้นและทาแป้งแล้ว ไม่ควรปัดจนหนาเกินไป ส่วนข้อของบลัชออนแบบฝุ่นไม่ติดทนนานนัก
  2. บลัชออนแบบครีม (Cream Blush)
    บลัชออนแบบครีมเป็นเนื้อเจลกึ่งเหลว วิธีใช้คือใช้มือเกลี่ย ทำให้ติดทนกว่าแบบฝุ่น มีข้อดีคือดูเป็นธรรมชาติ และไม่จำเป็นต้องคอยเติมระหว่างวัน

4.2 ไฮไลท์ (Highligh)

ไฮไลท์คือเครื่องสำอางที่มีลักษณะเป็นเนื้อฝุ่น หรือเนื้อครีม การเลือกใช้ต้องเลือกเฉดสีที่อ่อนกว่าสีผิวหนึ่งระดับ เพราะช่วยเพิ่มแสงให้กับส่วนที่ต้องการความโดดเด่นขึ้นมา เช่น จมูก ขอบตาบน ขอบตาล่าง โหนกแก้ว โหนกคิ้ว กลางหน้าผาก และกลางคาง

4.3 บรอนเซอร์ (Bronzer)

ถ้าไฮไลท์ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับส่วนต่างๆ ของใบหน้า บรอนเซอร์ก็ช่วยลดความโดดเด่น หรือทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพราะจะช่วยให้ผิวดูเป็นผิวบ่มแดด เงาวาว สุขภาพดี แต่ก็ควรปัดแต่พอดี ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ใบหน้าดูหมองได้

5. เครื่องสำอางแต่งปาก (Lip)

ถ้าแต่งหน้าครบทุกส่วนแล้วแต่ลืมทาปาก คงทำให้ใบหน้าดูดร็อปลงไปเลย เพราะปากซีดๆ จะทำให้ดูสุขภาพไม่ดี การเพิ่มสีสันให้ปากจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้

  1. ลิปสติก (Lip Stick)
    ลิปสติกเป็นเครื่องสำอางแต่งปากที่ได้รับความนิยมมาก มีหลายเฉดสีให้เลือก มีทั้งแบบลิปสติกเนื้อแมตต์ ที่จะทำให้สีดูด้าน แต่ติดทนนาน แบบลิปสติกเนื้อเชียร์มีลักษณะคล้ายกับเนื้อครีม ทำให้ริมฝีปากดูเนียนสวย ไม่มันวาวจนเกินไป
  2. ลิปกลอส (Lip Gloss)
    สำหรับคนที่อยากให้ริมฝีปากดูชุ่มฉ่ำ แวววาว ลิปกลอสเป็นลิปสติกที่เหมาะ เพราะมีเนื้อเหลว หนืด สีเป็นใสๆ โปร่งแสง มีประกายมุม ทำให้ดูเป็นธรรมชาติกว่าลิปสติกธรรมดา
  3. ลิปทินท์ (Lip Tint)
    ลิปสติกชนิดนี้คล้ายกับลิปกลอส แต่เหลวมากกว่า นิยมใช้ทาบริเวณปากด้านในคู่กับลิปกลอส เพราะทำให้ดูกลืนกัน มีมิติและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
  4. ลิปไลน์เนอร์ (Lip Liner)
    หากต้องความเป๊ะปังในการแต่งหน้า ลิปไลนเนอร์หรือดินสอเขียนขอบปากจะช่วยให้ขอบปากชัดเจนขึ้น ก่อนจะลงทาลิปสติกด้านในให้สวยเฉียบ
  5. ลิปบาล์ม (Lip Balm)
    ลิปบาล์มหรือที่เรารู้จักกันว่าลิปมัน เป็นลิปสติกอย่างหนึ่ง แต่มีคุณสมบัติในการบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื่น มีส่วนผสมจากธรรมชาติ อาจมีการแต่งกลิ่นให้หอม ส่วนใหญ่ไม่มีสี แต่ถ้ามีจะเป็นสีอ่อนๆ และสำหรับคนที่มีผิวแห้ง สามารถทาลิปบาล์มเป็นการลงรองพื้นให้กับปากก่อนทาลิปสติกได้ด้วย

สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มแต่งหน้าอาจจะรู้สึกว่ามีเครื่องสำอางอะไรหลายอย่างจนจำแทบไม่หวาดไม่ไหว แต่ถ้าค่อยๆ ฝึกแต่งไปเรื่อยๆ จนชำนาญ ก็จะจดจำเครื่องสำอางประเภทต่างๆ และรู้วิธีการแต่งหน้าที่เหมาะสมกับตนเอง ซึ่งการแต่งหน้าจะช่วยให้ดูสวย เสริมบุคลิกให้ดูดี ดูมั่นใจมากยิ่งขึ้น จนบางครั้งก็ดูราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน สมกับคำกล่าวว่า “Makeup is magic” นั่นเอง