หน้าเป็นสิว!…สาเหตุและวิธีการรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด สิวเสี้ยน

1089
หน้าเป็นสิว

สำหรับคนส่วนใหญ่ เรื่องกลุ้มใจอันดับแรกๆ เกี่ยวกับผิวหน้าคงหนีไม่พ้นปัญหาหน้าเป็นสิว โดยสิวมีหลายประเภท เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด สิวเสี้ยน แต่ไม่ว่าจะเป็นสิวประเภทไหนก็คงทำให้เราเกิดความไม่มั่นใจ ต้องคอยหาวิธีรักษาสิวและแต่งหน้าปกปิดรอยสิว ซึ่งบางครั้งอาจทำให้สิวเห่อกว่าเดิม ไปดูกันดีกว่าว่าสิวที่เป็นนั้นคือสิวประเภทไหน มีสาเหตุและวิธีรักษาอย่างไร?

ประเภทของสิวและวิธีการรักษา

สิวอุดตัน

1. สิวอุดตัน

สิวอุดตันสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ตามลักษณะหัวสิว ดังนี้

  1. สิวอุดตันหัวเปิด มีลักษณะเป็นตุ่มนูน ขนาดเล็ก ประมาณ 0.1-3 มิลลิเมตร หัวสิวมีสีดำ หรือที่เรียกว่าสิวหัวดำ เกิดจากเซลล์ผิวที่ตาย ไขมัน และเชื้อแบคทีเรีย สิวอุดตันชนิดนี้สามารถกดหรือบีบให้สิวออกจากผิวได้แต่ต้องทำอย่างถูกวิธี ไม่อย่างนั้นอาจเกิดแผล อาการอักเสบ และเกิดร่องรอยได้
  2. สิวอุดตันหัวปิด มีลักษณะเป็นตุ่มนูน ขนาดเล็ก ประมาณ 0.1-3 มิลลิเมตร หัวสิวมีสีขาว หรือที่เรียกว่าสิวหัวขาว เกิดจากการอุดตันภายในท่อปิดของต่อมไขมันและรูขุมขน ไม่มีหัวสิวให้กดหรือบีบได้ การกดหรือบีบอาจทำให้ไขมันทะลักกลับเข้าไปในผิว และสร้างความเสียหาย ก่อให้เกิดความอักเสบ สิวอุดตันหัวปิดมักคงอยู่หลายเดือน และกว่า 75% จะพัฒนาต่อกลายเป็นสิวอักเสบ

สาเหตุการเกิดสิวอุดตัน

  • การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบางชนิด เพราะอาจมีส่วนประกอบ หรือสารเคมีที่กระตุ้นให้เกิดการอุดตัน
  • กรรมพันธุ์ ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ง่าย
  • การแพ้บางชนิด เช่น แพ้อาหาร
  • สภาพอากาศ เช่น การโดดแดดเป็นเวลานาน
  • ความเครียด ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ง่าย และทำให้เกิดสิว
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนของผู้หญิงในช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น ซึ่งกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมาที่ผิวเป็นปริมาณมาก จนเกิดการอุดตันและเกิดสิว

วิธีการรักษาสิวอุดตัน

  • ล้างหน้าให้ถูกวิธี โดยล้างหน้าไม่น้อยไปหรือบ่อยไป คือล้างวันละสองครั้งเช้าเย็น หากแต่งหน้าควรเช็ดเครื่องสำอางให้สะอาด และห้ามนอนไปโดยที่ยังไม่ล้างเครื่องสำอางเพราะจะยิ่งทำให้สิ่งสกปรกอุดตัน
  • เลือกผลิตภัณฑ์ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับประเภทผิวของตนเอง และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลผิว
  • กดสิวอุดตัน วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะสิวหัวเปิดเท่านั้น โดยต้องกดให้ถูกวิธี และควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีอุปกรณ์ในการกดสิว ที่ได้มาตรฐานและสะอาดปลอดภัย
  • อย่าสัมผัสใบหน้า ไม่ควรสัมผัส แกะ เกา หรือบีบสิวด้วยตนเอง เพราะจะยิ่งทำให้เชื้อโรคเพิ่มมากขึ้น พัฒนากลายเป็นสิวอักเสบได้ หรือกลายเป็นรอยแผลทิ้งไว้บนใบหน้า
  • ไม่สูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นตัวกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้รูขุมขนกว้าง และสิ่งสกปรกอุดตันได้ง่ายขึ้นอีก

วิธีการป้องกันสิวอุดตัน

  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์สำหรับผิวที่กระตุ้นให้เกินสิว เช่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำหอม และแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการขยายตัวของรูขุมขน หรือกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น เช่น อาหารทอดด้วยน้ำมัน เนื้อติดมัน อาหารรสจัด ขนมที่มีแป้งและน้ำตาลเยอะ กระทั่งผลไม้ที่มีน้ำตาลเยอะอย่างทุเรียน
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด โดยควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ถ้าผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่มีแอลกอฮอล์เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดสิวง่ายขึ้น
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ไม่ส่งผลต่อระบบฮอร์โมน
  • พยายามไม่เครียด เพราะความเครียดจะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง เกิดสิวได้ง่ายขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง …
สิวอักเสบ

2. สิวอักเสบ

สิวอักเสบแบ่งได้หลายประเภท ดังนี้

  1. สิวตุ่มนูนแดง ลักษณะเป็นตุ่มนูน สีแดง ขนาดไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร มักพัฒนามาจากสิวอุดตันที่ขยายใหญ่ขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย ไขมัน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเม็ดเลือดขาวพยายามกำจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้น ทำให้เกิดสิวอักเสบ ซึ่งสิวชนิดนี้ถ้าไม่ได้รับการรักษาก็จะพัฒนาเป็นสิวหัวหนอง
  2. สิวหัวหนอง มีลักษณะเป็นตุ่มนูน ฐานสิวมีสีแดง หัวสิวมีหนองสีขาวนูนขึ้นมา มักพัฒนามาจากสิวตุ่มนูนแดง หรือเกิดจากสิวที่ติดเชื้อแบบคทีเรีย
  3. สิวอักเสบแดงเป็นก้อน เป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ สัมผัสแล้วพบว่าเป็นไตแข็ง และเจ็บ ไม่มีหัวสิว เกิดจากแบคทีเรียและน้ำมันในตุ่มสิวกระจายใต้ผิวหนังและไม่มีทางออก มักจะอักเสบอยู่นานหลายวัน ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
  4. สิวซีสต์ เป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่มาก เป็นไตแข็ง สัมผัสแล้วเจ็บมาก ถุงซีสต์อยู่ลึกลงไปที่ชั้นผิวหนัง ต้องรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

สาเหตุการเกิดสิวอักเสบ

  • รูขุมขนอุดตันจนอักเสบเรื้อรัง เกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว การใช้เครื่องสำอางแล้วล้างไม่สะอาด
  • ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนเพิ่มมากขึ้น ต่อมไขมันจึงถูกกระตุ้นให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น
  • พันธุกรรม ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นคนผิวมัน รูขุมขนกว้าง ก็มีโอกาสเกิดสิวได้มากกว่าคนทั่วไป
  • อาหารที่มีความมันมาก และอาหารที่มีส่วนประกอบของนมวัว ซึ่งส่งผลให้เกิดสิวอักเสบได้
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ และมีผลต่อการผลิตฮอร์โมน
  • การใช้ยารักษาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาลิเทียม ยาต้านอาการชัก เป็นต้น
  • การสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นตัวกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้รูขุมขนกว้าง และสิ่งสกปรกอุดตันได้ง่ายขึ้นอีก

วิธีการรักษาสิวอักเสบ

  • ห้ามกดหรือบีบสิว เพราะจะยิ่งทำให้อักเสบรุนแรงขึ้น ไม่เหมือนสิวหัวเปิดที่สามารถกดหรือบีบได้หากทำอย่างถูกวิธี
  • อย่าสัมผัสสิวอักเสบ เช่น จับ แคะ แกะ เกา เพราะจะยิ่งทำให้แบคทีเรียเข้าไปในรูขุมขน
  • ล้างหน้าให้ถูกวิธี คือ ล้างสองครั้งเช้าเย็น ไม่รุนแรงต่อผิวจนเกินไป และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับคนเป็นสิว
  • รักษาด้วยยา เช่น ยาคุมกำเนิดเพื่อปรับฮอร์โมนร่างกาย ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เจลแต้มสิว หรือถ้าเป็นสิวอักเสบรุนแรง อาจรักษาโดยการฉีดสเตียรอยด์ โดยทั้งหมดนี้ควรปรึกษาและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

วิธีการป้องกันสิวอักเสบ

  • ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมต่อผิว ห้ามนอนหลับโดยยังไม่ล้างหน้าเด็ดขาด
  • เลือกใช้เครื่องสำอางที่ควบคุมความมันบนใบหน้า แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป
  • ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อลดตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดสิว
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงจากภายใน
  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงมลภาวะต่างๆ และพยายามไม่เครียด
บทความที่เกี่ยวข้อง …
สิวผด

3. สิวผด

สิวผดมีลักษณะคล้ายผื่นเม็ดเล็กๆ มีสีแดง อาจทำให้เกิดอาการคัน มักขึ้นบริเวณ หน้าผากและขมับ เกิดขึ้นง่ายตอนอากาศร้อนและมีเหงื่อออก

สาเหตุการเกิดสิวผด

  • เชื้อราที่ชื่อว่า P.OVALE ทำปฏิกิริยากับต่อมไขมันบนใบหน้า ทำให้เกิดสิวผด
  • เกิดจากอาการแพ้ต่อสิ่งเร้าภายนอก เช่น แสงแดด ความร้อน ซึ่งทำให้เหงื่อออกมาก และทำให้เกิดการอุดตันจนเกิดสิวผด รวมไปถึงการใช้เครื่องสำอางบางอย่างที่ทำให้แพ้ มลภาวะจากสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะในน้ำหรือในอากาศ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าไม่เหมาะกับสภาพผิว เช่น มีผิวแห้งแต่ใช้โฟมล้างหน้าสำหรับผิวมัน ก็จะยิ่งทำให้ผิวหน้าแห้ง เกิดความระคายเคือง ส่งผลให้เกิดสิวผดตามมา
  • ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปในการล้างหน้า ซึ่งกระตุ้นให้เกิดสิวผดได้
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอและความเครียด

วิธีการรักษาสิวผด

  • หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือถ้าต้องโดนแดด ควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีสาร AHA, BHA และกรดวิตามิน A หรือ Retinoids
  • ล้างหน้าให้ถูกวิธี ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น ไม่ใช้น้ำอุ่นในการล้างหน้า และหลีกเลี่ยงการใช้สบู่
  • ใช้ยาคีโตโคนาโซล ซึ่งเป็นยาทาภายนอก ช่วยลดสิวผดที่เกิดจากเชื้อราได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

วิธีการป้องกันสิวผด

  • ดูแลไม่ให้ผิวแห้ง เช่น ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หมั่นทามอยส์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงหน้าหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวแห้ง เช่น AHA หรือ BHA
  • ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเป็นประจำ และควรเลือกครีมกันแดดที่ไม่อุดตันรูขุมขน
  • อย่าใช้มือสัมผัสใบหน้าบ่อย เพราะแบคทีเรียและสิ่งสกปรกจะอุดตัน ทำให้เกิดสิวผดได้
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีสารแอนตีออกซิแดนท์ คือ วิตามิน C วิตามิน B วิตามิน E สังกะสี เพราะจะช่วยลดการอักเสบของผิว และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง …
สิวเสี้ยน

4. สิวเสี้ยน

สิวเสี้ยนมีลักษณะคล้ายสิวอุดตันหัวดำ หรือตุ่มไขมันสีขาว กระจุกอยู่กับขนอ่อนเส้นเล็กๆ ในรูขุมขน มักพบที่จมูก คาง และยังพบได้ที่หน้าอก หลัง หรือบริเวณศีรษะ เมื่อลอกสิวเสี้ยนออกจะเห็นเป็นเส้นหรือเม็ดเล็กๆ สิวเสี้ยนเกิดทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย

สาเหตุการเกิดสิวเสี้ยน

  • ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนหรือฮอร์โมนเพศชายที่มากเกินไป มักพบได้ในวัยรุ่น
  • ปริมาณกรดไขมันไลโนเลอิกบนผิวหนังชั้นนอกลดลง ทำให้ผิวหนังอ่อนแอลง และเกิดสิวเสี้ยนได้ง่าย
  • การรับประทานอาหารที่มีความมันมาก และอาหารที่มีรสจัด
  • ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงก่อนมีประจำเดือนในเพศหญิง
  • สารเคมีบางชนิด เช่น สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมบางชนิด
  • การล้างหน้าที่รุนแรง ไม่อ่อนโยนต่อผิว

วิธีการรักษาสิวเสี้ยน

  • ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยน วิธีก็ง่ายๆ คือแปะแผ่นลอกสิวเสี้ยนบริเวณที่มีสิวเสี้ยนอย่างจมูก รอประมาณ 20 นาทีแล้วลอกออก แต่ต้องระวังเรื่องรูขุมขนกว้าง ดังนั้นหลังทำควรล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน
  • สครับสิวเสี้ยน โดยเลือกสครับที่สามารถผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน คือ ไม่มีน้ำหอมและไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป โดยสครับสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเรตินอล เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และกำจัดสิวเสี้ยนออกไปได้
  • ใช้ทีทรีออยล์ โดยหยดลงบนสำลี 2-3 หยด แปะบริเวณที่เกิดสิวเสี้ยน 15 นาที ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
  • ใช้ไข่ขาว โดยนำสำลีชุบไข่ขาวแล้วแปะลงบนบริเวณที่มีสิวเสี้ยน รอจนกว่าสำลีจะแห้งแล้วให้ลอกสำลีออก สิวเสี้ยนก็จะหลุดตามออกมา
  • ใช้มาสก์โคลนลอกสิวเสี้ยน นำมาสก์โคลนพอกบนสิวเสี้ยนประมาณ 20 นาทีจนแห้ง แล้วลอกมาสก์ออก สิวเสี้ยนก็จะหลุดตามออกมา

วิธีการป้องกันสิวเสี้ยน

  • ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อนๆ วันละ 2 ครั้ง
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมัน ทั้งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า เครื่องสำอาง เพื่อไม่ให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน
  • อย่าใช้มือสัมผัสใบหน้า เพราะอาจทำให้มีสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียอุดตันบนใบหน้า
  • หลีกเลี่ยงการใช้สเปรย์แต่งทรงผม เพราะมีน้ำมันเยอะ ก่อให้เกิดสิวเสี้ยนบนใบหน้าได้ง่าย

ไม่ว่าสิวประเภทไหนก็มีวิธีการรักษาและป้องกันอย่างหนึ่งที่คล้ายกันคือการล้างหน้าให้สะอาดและถูกวิธี รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการกัดอุดตันของผิว ใครที่ชอบนอนไปโดยไม่ล้างหน้า ยิ่งมีเครื่องสำอางติดอยู่บนใบหน้าด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดสิวเลยทีเดียว รู้ตัวแล้วก็ต้องปรับพฤติกรรมนี้โดยด่วน พร้อมๆ กับดูแลผิวหน้าด้วยวิธีอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย