ผิวแตกลายเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของใครหลายๆ คน เพราะใส่เสื้อผ้าโชว์ผิวแล้วไม่สวย ดูเป็นจุดบกพร่องบนร่างกาย แถมยังรักษายาก โดยบริเวณที่ผิวหนังมักจะแตกลายคือบริเวณท้อง ขา ก้น ส่วนใหญ่มักเกิดจากความอ้วน หรือการตั้งครรภ์ ซึ่งในบางรายแม้ลดน้ำหนักหรือคลอดบุตรแล้วรอยแตกลายก็ยังไม่หายไป

สาเหตุของผิวแตกลาย
1. การตั้งครรภ์
ในระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เส้นเอ็นช่วงเชิงกรานมีความยืดหยุ่น ขณะเดียวกันฮอร์โมนนี้ก็จะทำให้ผิวหนังแตกลายได้ง่าย
2. น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว
การที่น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็วจะทำให้ผิวยืดไม่ทันกับน้ำหนัก จึงเกิดผิวหนังแตกลาย เมื่อลดน้ำหนักแล้วรอยแตกลายก็มักจะยังคงอยู่
3. การเติบโตในวัยรุ่น
วัยรุ่นเป็นวัยที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงมาก และมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เด็กผู้ชายอาจพบรอยแตกลายที่หัวไหล่และหลัง ส่วนผู้หญิงพบได้ที่หน้าอก สะโพก และต้นขา
4. โรคประจำตัวบางอย่าง
โรคประจำตัว เช่น โรคที่เกี่ยวกับกลุ่มอาการคุชชิ่ง (Cushing’s Syndrome) หรืออาการมาแฟนซินโครม (Marfan Syndrome) ซึ่งมีผลให้เกิดผิวแตกลายได้ง่าย
5. ผู้ที่รับประทานยาสเตียรอยด์
ยาสเตียรอยด์มีผลข้างเคียงทำให้คอลลาเจนในผิวหนังลดลง ทำให้ผิวหนังแตกลายได้
6. กรรมพันธุ์
สำหรับผู้ที่สมาชิกในครอบครัวมีรอยแตกลาย ก็เป็นไปได้ว่ารอยแตกลายที่เกิดขึ้นอาจเป็นจากกรรมพันธุ์
วิธีการลดผิวแตกลาย แก้รอยแตกลาย
1. ใช้น้ำมะนาว
หั่นมะนาวครึ่งลูกแล้วนำมาถูบริเวณที่มีรอยแตกลาย ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำเช่นนี้สัปดาห์ละครั้งจะช่วยลดรอยแตกลายได้
2. ใช้น้ำมันมะกอก
นำน้ำมันมะกอกเข้าอุ่นในไมโครเวฟให้พออุ่นเท่านั้น แล้วทาลงบนผิวที่มีรอยแตกโดยไม่ต้องล้างออก
3. ทาไข่ขาว
นำไข่ขาวมาทาบนผิวที่มีรอยแตก ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น สามารถทำได้ทุกวัน
4. ถูด้วยว่านหางจระเข้
นำใบว่านหางจระเข้มาถูบริเวณรอยแตก 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น สามารถทำได้ทุกวัน
5. สครับด้วยน้ำตาล
การสครับจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเผยเซลล์ผิวที่ดูนุ่มเนียนเปล่งปลั่ง ซึ่งการสครับที่แนะนำคือการใช้น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมะนาวและน้ำอัลมอนด์ คนให้เข้ากัน แล้วนวดวนๆ บริเวณผิวแตกลายประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำติดต่อกันทุกวันเป็นระยะเวลา 1 เดือนจึงเริ่มเห็นผล
6. ใช้ครีมลดรอยแตกลาย
ถ้าใครไม่ชอบความยุ่งยากในการเตรียมวัตถุดิบต่างๆ สามารถใช้ครีมลดรอยแตกลายได้เลย แต่ก็อาจต้องลองอยู่หลายตัวถึงจะเจอครีมที่ได้ผล เหมาะกับผิวของตนเอง เพราะผิวของแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันไป และครีมแต่ละยี่ห้อก็มีส่วนผสมไม่เหมือนกัน
7. ทาโลชั่น
นอกจากการทาผิวด้วยวัตถุดิบต่างๆ จากธรรมชาติหรือทาครีมแล้ว การทาโลชั่นที่มีอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดปัญหาแตกลายให้เบาบางลงได้
8. ใช้เลเซอร์ลดรอยแตกลาย
ถ้าวิธีที่ผ่านมาไม่ทันใจ หรือไม่เห็นผล การเลเซอร์นี่แหละที่จะแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เพราะจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ต้องทำซ้ำประมาณ 3-5 ครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน
9. ทำ IPL (Intensed Pulsed Light – IPL)
การทำ IPL (ไอพีแอล) คือการใช้แสงความเข้นสูงยิงในบริเวณที่มีรอยแตกลายเพื่อรักษา แต่เหมาะสำหรับรอยแตกลายระยะแรกที่มีสีแดงมากกว่า และต้องทำซ้ำประมาณ 3-5 ครั้งเช่นเดียวกับการเลเซอร์
เราสามารถรักษารอยแตกลายให้ดูบางลงได้จนมองแทบไม่เห็นด้วยวิธีการต่างๆ มากมายข้างต้น เมื่อผิวกลับมาเรียบเนียน ดูเป็นปกติแล้วก็สามารถแต่งตัวได้อย่างมั่นใจมากขึ้น รู้สึกดีกับผิวสวยๆ ของตนเอง อย่างไรก็ตามระหว่างที่รักษาอยู่ ถ้าเรามีความมั่นใจ จะแต่งตัวแบบไหนผิวแตกลายก็ไม่เป็นปัญหา แถมยังอาจกลายเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเราได้เช่นกัน