8 จังหวัดน่าเที่ยวทั่วไทย ต้องหาโอกาสไปเยือนให้ได้สักครั้ง!

479
จังหวัดน่าเที่ยวทั่วไทย

เมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ และน่าตื่นตาตื่นใจมากมายตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ จนบางคนถึงกับตั้งปณิธานเลยว่า “ต้องเที่ยวให้ทั่วไทยก่อน แล้วค่อยเที่ยวต่างประเทศ” ดังนั้นไปไปดูกันดีกว่าว่า จังหวัดน่าเที่ยวทั่วไทยที่ต้องไปเยือนเป็นอันดับต้นๆ มีอะไรกันบ้าง รับรองว่าพลาดแล้วต้องเสียดายแน่นอน

จังหวัดน่าเที่ยวทั่วไทย

1. จังหวัดนครราชสีมา

สถานที่เที่ยวที่ขึ้นชื่อที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาก็คือเขาใหญ่นั่นเอง ถือเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่จนนับได้ว่าเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก จะฤดูไหนก็เที่ยวได้ไม่มีเบื่อ สามารถหนีความวุ่นวายของตัวเมืองมาซึมซับอากาศดีๆ ของผืนป่าและขุนเขาใหญ่แถมพ่วงด้วยการลงเล่นน้ำตก พร้อมชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นอกจากนี้เขาใหญ่ยังมีมุมแบบชาวเมืองงชิคๆ เก๋ๆ ด้วยคาเฟ่สุดน่ารัก ร้านอาหารมากมาย เมืองจำลอง เช่น พรีโมเพียซซ่า เมืองจำลองสไตล์ทัสคานี ประเทศอิตาลี, ปาลีโอ เขาใหญ่ เมืองจำลองสไตล์อิตาลีอีกแห่ง และทอสคานา วัลเลย์ เป็นต้น

อีกทั้งยังมีสวนน้ำและสวนสนุกอย่างซีนีคอนเวิลด์ เขาใหญ่ รวมไปจนถึงฟาร์มต่างๆ เช่น ไร่ทองสมบูรณ์คลับที่จำลองบรรยากาศแบบเมืองคาวบอยให้ได้เที่ยวชมอย่างสนุกสนาน ฟาร์มโชคชัยที่มีม้าให้ขี่และสาธิตการใช้ชีวิตในฟาร์ม เป็นต้น เรียกได้ว่ามาจังหวัดนี้จังหวัดเดียว ก็ได้ทำกิจกรรมเกือบครบทุกอย่าง แถมยังมีที่สวยๆ ให้ถ่ายรูปลงโซเชียลพร้อมเช็กอินอวดเพื่อนได้เพียบ

จังหวัดเชียงใหม่

2. จังหวัดเชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ ใครๆ ก็ว่าเป็นเมืองสุดชิค เพราะบรรยากาศบ้านเมืองที่ดูน่ารัก เต็มไปด้วยคาเฟ่สวยๆ แปลกๆ มากมายให้ได้ถ่ายรูปเช็กอินลงโซเชียล แต่แน่นอนว่าเชียงใหม่ไม่ได้ดีแค่คาเฟ่ เพราะเต็มไปด้วยธรรมชาติแบบที่ที่อื่นเลียนแบบไม่ได้ ไม่ว่าจะสวนสนบ่อแก้วที่เหมาะมาถ่ายรูปในหน้าหนาว แกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ที่เป็นแอ่งเก็บน้ำสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ แม่กำปอง หมู่บ้านเล็กๆ สุดสโลว์ไลฟ์ในเชียงใหม่ พระธาตุดอยสุเทพพระคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ ใครไปเที่ยวก็ต้องแวะสักการะบูชา

ถ้าชอบขึ้นดอยก็ต้องไปม่อนแจ่มที่มีดอกไม้บานสะพรั่งแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู และดอยอินทนนท์ จุดสูดสุดในประเทศไทย ซึ่งใครอยากสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิดก็เดินตะลุยขึ้นเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานได้เลย นอกจากนี้ยังมีดอยปุย ดอยอ่างขาง และสถานที่อีกมากมายที่ถ้าให้แนะนำคงต้องกินพื้นที่ทั้งบทความนี้แน่นอน

3. จังหวัดน่าน

จังหวัดน่านเป็นเมืองรองที่คนนิยมมาท่องเที่ยวไม่แพ้เมืองหลักเลยทีเดียว เพราะน่านเป็นเมืองที่ยังคงวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบชาวบ้าน มีความน่ารักและโรแมนติกอยู่ในตัว สถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังในตัวเมืองน่านคือวัดภูมินทร์ที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังสีฝุ่น ตกเย็นแล้วก็มาเดินเล่นที่ถนนคนเดินหน้าวัดแห่งนี้ได้ และจุดที่แทบทุกคนไม่พลาดเช็กอินเมื่ออยู่ในตัวเมืองน่านคือซุ้มลีลาวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่จะเดินเล่นหรือปั่นจักรยานลอดใต้ซุ้มก็ได้

ถ้าใครอยากสัมผัสธรรมชาติก็ให้เข้าไปที่อำเภอปัว เพราะมีที่เที่ยวหลายแห่ง เช่น ร้านกาแฟบ้านไทลื้อที่ให้นักท่องเที่ยวได้จิบกาแฟท่ามกลางวิวทุ่งนาสีเขียวขจี ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำที่ทุกเมนูทำจากเห็ด เมนูขึ้นชื่อคือพิซซ่าเห็ด หรือจะเดินทางไปต่อที่อำเภอบ่อเกลือเพื่อชมการทำเกลือสินเธาว์ด้วยวิถีแบบชาวบ้าน แล้วตกค่ำค่อยขึ้นไปตั้งเตนท์ชมดาวที่ดอยเสมอดาว ก่อนจะตื่นขึ้นมาชมทะเลหมอกในตอนเช้า เรียกได้ว่าครบรสชาติแห่งความสุนทรีย์เลยทีเดียว

จังหวัดเลย

4. จังหวัดเลย

พูดถึงจังหวัดเลย หลายๆ คนคงนึกถึงภูกระดึงไม่ก็เชียงคาน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมตลอดกาลของจังหวัดเลย โดยอุทยานแห่งชาติภูกระดึงเป็นผืนป่าที่สวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย เพราะเปิดให้ท่องเที่ยวได้ในช่วงตุลาคมถึงพฤษภาคมเท่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถมากางเตนท์เพื่อซึมซับธรรมชาติและนอนดูดาวได้อย่างสุนทรีย์ ส่วนเชียงคานก็เป็นชุมชนริมแม่น้ำโขง ที่ยังคงวิถีชีวิตความเป็นอยู่อันเรียบง่ายเอาไว้ ทำให้นักท่องเที่ยวชอบมาเดินเล่นชมบรรยากาศบ้านเมือง โดยเฉพาะถนนคนเดินในช่วงเย็นที่มีทั้งอาหารและสินค้าพื้นเมืองให้ได้เลือกจับจ่ายใช้สอยอย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้แล้วเลยยังมีสถานที่เที่ยวอื่นๆ อีกมาก เช่น อุทยานแห่งชาติภูเรือ ภูลมโล ภูป่าเปาะ อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง เป็นต้น สมกับคำขวัญจังหวัดที่ว่า “เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู”

5. จังหวัดเพชรบูรณ์

หากอยากเที่ยวยอดเขา หนึ่งในจังหวัดที่ต้องนึกถึงคือจังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะโอบล้อมด้วยยอดเขาและป่าเขียวขจี ยิ่งถ้ามาหน้าฝนก็มีโอกาสได้เห็นทะเลหมอก ส่วนหน้าหนาวก็จะได้ลมหนาวสะใจ ซึ่งสถานที่ยอดนิยมคือ ภูทับเบิก แหล่งเพาะปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุด และยังเป็นจุดสูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้เป็นสถานที่ที่คนนิยมมากางเตนท์ชมดาวในยามค่ำคืน และอีกสถานที่ที่น่าไปก็คือเขาค้อ เพราะนอกจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น อนุสาวรีย์จีนฮ่อ อนุสาวรีย์ทหารอาสาจากหน่วยรบกองพลที่ 93 อนุสาวรีย์ผู้เสียสละจารึกชื่อผู้เสียชีวิตจากการสู้รบในสงคราม เป็นต้น

จังหวัดสุราษฎร์ธานี

6. จังหวัดสุราษฎร์ธานี

“เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ” คือคำขวัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพราะเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยธรรมชาติ เต็มไปด้วยทะเลอันงดงาม ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเกาะพะงัน ทะเลที่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีการจัดปาร์ตี้ฟูลมูนหรือปาร์ตี้ในคืนพระจันทร์เต็มดวงเดือนละสองครั้ง เป็นที่ฮ็อตฮิตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาก

เกาะเต่าเป็นเกาะเล็กๆ แต่มีชายหาดถึง 11 แห่ง มีความสงบและเป็นส่วนตัว และมีทะเลใต้น้ำที่สวยเหมาะแก่การดำน้ำดูปะการังมาก และเกาะนางยวนที่เป็นเกาะเล็กๆ 3 เกาะที่เชื่อมกันด้วย 3 ทราย สวยงามจนถูกยกเป็น 1 ใน 10 เกาะที่สวยติดอันดับโลก นอกจากนี้ยังมีเกาะสมุย หมู่เกาะอ่างทอง และสถานที่อื่นๆ เช่น เขื่อนเชี่ยวหลาน เขื่อนรัชชประภา หรือถ้าอยากเที่ยวเขาก็มีเขาหินสามเกลอที่เป็นภูเขาหินปูนสีเขียวมรกตงดงามมาก

7. จังหวัดระยอง

จังหวัดระยองเป็นอีกจังหวัดที่มีที่เที่ยวทั้งทะเล น้ำตก ป่าชายเลน โดยทะเลเป็นทะเลอ่าวไทย มีเกาะที่สวยงามหลายเกาะ เช่น เกาะมันนอก เกาะที่เงียบสงบ ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว หาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลสีฟ้าใส เกาะทะลุ ที่ได้ชื่อนี้เพราะมีช่องเขาทะลุเป็นเอกลักษณ์ เหมาะแก่การมาชมธรรมชาติอันแปลกตาและถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก และอีกเกาะที่จะขาดไม่ได้คือเกาะเสม็ด เกาะยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่มีหาดทรายสีขาวน้ำใส กิจกรรมมากมาย เช่น ว่ายน้ำ ขับเจ็ตสกี ขี่บานาน่าบ็ต แล่นเรือใบ เป็นต้น

ส่วนใครอยากไปสัมผัสธรรมชาติแบบอื่นๆ ในระยองก็แวะไปเยี่ยมชมป่าชายเลนได้ที่ทุ่งโปรงทอง ที่มีทางเดินเป็นสะพานไม้ให้ชมความอุดมสมบูรณ์โดยรอบ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกเขาชะเมาที่มีถึง 8 ชั้น แต่ละชั้นก็มีความงดงามแตกต่างกันไป หากใครขึ้นไปถึงชั้น 8 หรือผาสูง ก็จะได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามรอบเกาะเสม็ดด้วย

จังหวัดภูเก็ต

8. จังหวัดภูเก็ต

จังหวัดภูเก็ตเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศและมีฐานะเป็นจังหวัด ทั้งยังอยู่ในน่านน้ำทะเลอันดามันที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์สวยงาม จึงได้รับสมญานามว่า “มุกงามของเมืองไทย” ใครมาเที่ยวภูเก็ตขอแนะนำให้แวะสักการะพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี หรือพระใหญ่แห่งเมืองภูเก็ตเป็นอันดับแรก แล้วจึงไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีมากมายนับไม่ถ้วนในภูเก็ต เช่น หาดป่าตองที่นอกจากชายหาดอันสวยงามแล้วยังมีร้านค้าต่างๆ เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเรียกได้ว่าเที่ยวได้ทั้งวันทั้งคืน

ถ้าแค่เดินเที่ยวหาดไม่จุใจก็ไปดำน้ำได้ที่เกาะพีพี เกาะราชา ที่มีปะการังอุดมสมบูรณ์ ถ้าชอบความเงียบสงบก็สามารถไปที่เกาะยาวน้อย จากนั้นจึงไปชมพระอาทิตย์ตกในจุดที่เขาว่ากันว่าสวยที่สุดในไทยที่แหลมพรเทพ และสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่ห้ามพลาดคือชิโนโปรตุกีส ย่านเมืองเก่าที่สถาปัตยกรรมมีการผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก เดินเที่ยวเพลินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะคืนวันอาทิตย์จะมี “หลาดใหญ่” หรือถนนคนเดินอีกด้วย

ใครยังไม่ได้ไปจังหวัดไหนที่กล่าวมา เขียนเช็กลิสต์รอไว้เลย เพราะเป็น 8 จังหวัดน่าเที่ยวทั่วไทยที่ไม่ควรพลาดแม้แต่น้อย ยิ่งเป็นสายเที่ยวระวังคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง นอกจากนี้ก็ยังมีอีก 6 จังหวัดน่าเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่ได้แนะนำไปในบทความก่อน อย่างไรก็ตามจังหวัดอื่นๆ แต่ละจังหวัดก็มีความน่าสนใจในตัวเองไม่แพ้กัน จะค่อยๆ ไล่เที่ยวลงมาจากเหนือจรดใต้หรือใต้ขึ้นเหนือก็น่าสนใจทีเดียว