การฉีด Botox (โบท็อกซ์) เป็นหนึ่งในวิธียอดนิยมสำหรับการลดริ้วรอย และทำให้รูปหน้าเรียวสวย แต่นอกจากนี้แล้วยังมีประโยชน์ในด้านความงามอีกหลายอย่าง เพราะฉะนั้นไปทำความรู้จักเพิ่มเติมกันดีกว่า Botox คืออะไร รักษาอะไรได้บ้าง การดูแลหลังทำ และผลข้างเคียงที่ต้องระวังคืออะไร
Botox คืออะไร?
Botox (โบท็อกซ์) คือชื่อทางการค้า (Trade Name) ของสาร Botulinum Toxin A ที่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง สกัดได้จากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ที่ถ้าได้รับเข้าร่างกายมากในปริมาณมากๆ จะทำให้เกิดอาหารเป็นพิษและเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่หากได้รับในปริมาณน้อยๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้
ในวงการแพทย์ช่วงแรกๆ จึงได้นำ Botulinum Toxin A มารักษาโรคตาเหล่ และตาเข แล้วพบว่าริ้วรอยรอบดวงตาดูลดลง จึงได้นำมาพัฒนาในวงการเสริมความงาม ในปัจจุบันจึงมีการนำ Botulinum toxin A มาใช้เพื่อลดริ้วรอย ยกกระชับผิวหนัง ทำให้ใบหน้าเรียวลง อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
การฉีด Botox จะฉีดในบริเวณที่ต้องการรักษา เมื่อ Botox จับกับปลายประสาท จะทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมากระตุ้นการหดตัวที่กล้ามเนื้อได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ริ้วรอยจึงดูลดลง สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 2-3 วัน
Botox รักษาอะไรได้บ้าง?
- ลดริ้วรอยบนใบหน้า ในส่วนที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น หน้าผาก รอยตีนกา มุมปาก
- ปรับรูปทรงของใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น โดยฉีดที่บริเวณกล้ามเนื้อกราม ให้กล้ามเนื้อกรามหดตัวเล็กลง จึงได้ใบหน้า V-Shape หรือ U-Shape
- ปรับแต่งรูปคิ้ว โดยฉีดเข้าไปคลายกล้ามเนื้อเพื่อปรับเปลี่ยนรูปคิ้วให้เป็นทรงที่ต้องการ ไม่ว่าจะทรงตรงแบบเกาหลี ทรงโค้ง ก็สามารถทำได้
- ลดหน้ามัน โดยจะช่วยยกกระชับผิว รูขุมขนจึงกระชับ เรียบเนียนขึ้น ลดความมันบนใบหน้าได้ดี
- ลดขนาดแขนขา โดยจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อบริเวณน่อง ต้นแขน มีขนาดเล็กลง ในกรณีที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่เพราะไขมันหรือเซลลูไลต์
- ลดกลิ่นเหงื่อและกลิ่นตัว โดยเฉพาะในบริเวณที่เหงื่อออกเฉพาะที่อย่างรักแร้ เพราะช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อได้
การดูแลหลังทำ Botox
- หลังจากที่ฉีดทันที ควรบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้ Botox ซึมเข้าสู่เซลล์ประสาทมากที่สุด และไม่ควรประคบเย็นเพราะจะขัดขวางการดูดซึม
- ภายใน 3 ชั่วโมงหลังฉีด ห้ามนอนราบและห้ามก้มหน้าต่ำกว่าหัวใจเด็ดขาด เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนบริเวณหน้าเยอะ ทำให้ Botox ไหลไปบริเวณอื่น
- ควรหลีกเลี่ยงอาหารร้อนและการอยู่ใกล้ความร้อน รวมถึงงดออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ หรือถ้าหลีกเลี่ยงได้ยากให้หลีกเลี่ยงอย่างน้อยที่สุดเป็นเวลา 2 วัน
- งดสูบบุหรี่ งบดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพราะมีผลในการขยายหลอดเลือด ส่งผลต่อ Botox ที่ฉีดเข้าไป
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Botox
1. ผลลัพธ์
Botox จะเริ่มส่งผลหลังฉีดภายใน 2-3 วัน และสามารถเห็นผลได้ชัดเจนหลังผ่านไปประมาณ 7-14 วัน
2. ระยะเวลาในการฉีด
Botox มีความคงทนอยู่ราวๆ 6-8 เดือน และถ้าต้องการฉีดซ้ำหลังจากฉีดมาแล้ว ต้องไม่ฉีดภายในระยะเวลา 3 เดือนหลังฉีด
3. ผลข้างเคียง
- อาจมีอาการหางตาตก หรือปวดบริเวณที่ฉีด รวมถึงปวดหัว ตาพร่า คอแห้ง แต่มักหายไปเองในเวลาไม่นาน
- บางรายอาจเคี้ยวอาหารได้ยากขึ้น หรือผู้ที่มีแก้มเยอะแล้วฉีดให้หน้าเรียวขึ้นก็อาจเจอปัญหาเนื้อแก้มห้อยลงมา
- ในกรณีที่ผู้ที่ฉีดไม่มีความชำนาญ ทำให้ฉีดในตำแหน่งไม่เหมาะสม ก็อาจทำใบหน้าเกิดความไม่สมมาตร เกิดจุดเลือดออกในบริเวณที่ฉีด มุมปากเบี้ยว เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า Botox (โบท็อกซ์) มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งช่วยรักษาความผิดปกติของกล้ามเนื้อ ช่วยเสริมความงาม ยกกระชับหน้าเรียว ลดริ้วรอย ลดหน้ามัน ลดกลิ่นเหงื่อ เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์ทีเดียว แต่ก็ต้องรอบคอบในการดูแลหลังทำ และผลข้างเคียงก็มีหลายอย่าง ดังนั้นควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับคำแนะนำและการรักษาที่ถูกต้อง