eMatrix…นวัตกรรมรักษาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน

ความสวยความงามเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับผู้หญิง จึงทำให้ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเพื่อความงามมีการพัฒนาอยู่เสมอ และสาวๆ ก็คงไม่พลาดที่จะลองใช้ โดยเทคโนโลยีที่เป็นที่รู้จักกันดี เช่น การยิงเลเซอร์รักษาสิว กระ ฝ้า การฉีดโบทอกซ์ การฉีดฟิลเลอร์ เป็นต้น แต่ยังมีอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย นั่นก็คือ eMatrix

eMatrix คืออะไร?

eMatrix เป็นนวัตกรรมในการรักษาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ผิวหย่อนคล้อย และผิวไม่เรียบเนียนโดยไม่ใช้เลเซอร์ แต่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง คือ Radio Frequency หรือ RF ให้ปล่อยพลังงานออกมาในรูปปิรามิด โดยใช้เทคนิคเฉพาะที่เรียกว่า SelectPulseTM ซึ่งจะทำให้เกิด Ablation and Resurfacing คือการทำลายผิวชั้นนอก (Epidermis) และลอกออก แล้วส่งความร้อนลงไปสู่ผิวชั้นใน (Dermis)

พลังงาน RF จะกระจายไปในชั้นผิวหนังได้เป็นบริเวณกว้าง กระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast stimulation) ให้ผลิตเส้นใยคอลลาเจนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำ eMatrix จะทำให้เกิดสะเก็ดรอยดำหลังการรักษาน้อยเนื่องจากพลังงานที่เข้าสู่ผิวในรูปแบบปิรามิด แม้อาจทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก แต่ก็จะรักษาตัวได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนวิธีการทำ eMatrix จะคล้ายกับการเลเซอร์ คือยิงคลื่นวิทยุในลักษณะเป็นช็อต ตั้งแต่ 100 – 400 ช็อต โดยผู้ทำสามารถเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของตนเองได้

eMatrix รักษาอะไรได้บ้าง?  

• รักษาหลุมสิว รักษาริ้วรอยทั้งริ้วรอยตื้นและริ้วรอยปานกลาง
• ช่วยกระชับรูขุมขนที่กว้างให้เล็กลง
• รักษาความผิดปกติของเม็ดสีทำให้สีผิวมีความสม่ำเสมอ ใบหน้าเรียบเนียนขึ้น
• ช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และแก้ปัญหาผิวแตกลายงา

การดูแลหลังทำ eMatrix

​หลังการรักษาจะทำให้เกิดรอยแดง ควรประคบเย็นหลังทำ และใน 24 ชั่วโมงหลังทำควรทาวาสลีนหรือยาตามแพทย์สั่งเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว และควรล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพราะผิวในช่วงนี้ยังบอบบางมาก หลังจาก 24 ชั่วโมงแรกจึงสามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน และหลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีกรดผลไม้ วิตามินเอ และการสครับผิว

รอยแดงที่เกิดขึ้นหลังทำจะจางหายไปใน 2-3 วัน แต่จะเกิดสะเก็ดบางๆ ที่สามารถแต่งหน้ากลบได้ ห้ามลอกออกเองเด็ดขาด ต้องปล่อยให้หลุดเองภายใน 5-7 วัน รวมถึงทาครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดเป็นเวลา 2 สัปดาห์หลังการรักษา

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ eMatrix

1. จำนวนครั้งที่ทำ และระยะห่างของแต่ละครั้ง

ควรรักษาอย่างน้อย 3 ครั้ง ซึ่งโดยทั่วไปแนะนำการทำ eMatrix ที่ 3-5 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างประมาณ 4-6 สัปดาห์ต่อครั้งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ส่วนใหญ่มักเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่รับการรักษา

2. ความคงทน

ความคงทนขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวของแต่ละคน แต่แนะนำให้ทำกระตุ้นทุก 6-12 เดือน

3. ความรู้สึกระหว่างทำ

อาจมีเจ็บเล็กน้อยเหมือนการยิงเลเซอร์ทั่วไป แต่คลินิกส่วนใหญ่มีการทายาชาให้ก่อนทำ และหลังทำอาจรู้สึกร้อนที่ผิวเล็กน้อยแล้วอาการดีขึ้นภายใน 2-3 ชั่วโมง

4. ผลข้างเคียง

อาจเกิดอาการบวม แดง หรือตุ่มน้ำหรือสะเก็ดที่ผิวหลังทำ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีที่ผิดปกติ แต่ก็เกิดขึ้นได้น้อยมาก เพราะ eMatrix ได้รับการรับรองจาก FDA หรือองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ว่าปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ได้จริง

eMatrix ถือเป็นตัวช่วยในด้านความงามอีกอย่างของสาวๆ เพราะช่วยแก้ไขจุดบกพร่อง และทำให้ผิวคงความงามไว้ได้ไม่แพ้เทคโนโลยีอื่นๆ เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ควรเลือกทำกับคลินิกและแพทย์ที่น่าเชื่อถือ มีการจดทะเบียนตามกฎหมาย เพื่อให้ได้รับการรักษาและคำแนะนำที่ถูกต้อง ได้ผิวสวยแบบไม่เสี่ยงอันตราย